- “เดอะ ทัช กรุ๊ป” (The Touch Group) เฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี ทุ่มงบ 150 ล้านบาท!
- รีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่! ขยายฐานผู้บริโภคสู่กลุ่ม Gen Z พร้อมเปิดตัวศูนย์สุขภาพและความงามครบวงจร
- เตรียมลงสังเวียนลุยตลาดสกินแคร์ไตรมาส 4 ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 200% ภายในปี 2566
ธุรกิจคลินิกความงามและเวชกรรมของเมืองไทย นับเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีความคึกคักและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าตลาดราว 3.6 หมื่นล้านบาท จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความใส่ใจด้านการดูแลตัวอย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z ได้เข้ามามีอิทธิพลในตลาดความงามมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มช่วงวัยที่เริ่มหันมาดูแลตัวเองค่อนข้างเร็ว โดยล่าสุด “เดอะ ทัช กรุ๊ป” (The Touch Group) นำโดย พิชชานันท์ ณวัฒน์นิธิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟเวอร์ กู๊ด (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ก่อตั้งศูนย์สุขภาพและความงามครบวงจร “เดอะ ทัช” (The Touch) ภายใต้การบริหารของ “เดอะ ทัช กรุ๊ป” (The Touch Group) ร่วมด้วยปริตา ชีววรกิจ และพัชรนันท์ ตั้งเกียรติอมรกุล ได้ประกาศรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Boundless Beauty’ กับการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความเข้าถึงง่ายและมีความสดใสมากขึ้น ภายใต้ประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยมโดยทุ่มงบ 150 ล้านบาท! ปรับโฉมภาพลักษณ์เพื่อขยายฐานผู้บริโภคจับกลุ่ม Gen Z พร้อมเตรียมเปิดศูนย์สุขภาพและความงามครบวงจรที่ย่านนาคนิวาส ซึ่งได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลกรุงเทพออกแบบโปรแกรมการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล และสาขาสยามสแควร์ ซึ่งนับเป็นสาขาที่อยู่ในย่าน CBD (The central business district) แห่งแรกของ “เดอะ ทัช กรุ๊ป” (The Touch Group) ที่เน้นรองรับกลุ่มลูกค้า Gen Z โดยเฉพาะ
“เดอะ ทัช กรุ๊ป” (The Touch Group) ศูนย์สุขภาพและความงามครบวงจร ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ 2555 ภายใต้แนวคิดที่ต้องการมอบประสบการณ์ความงามอย่างเหนือระดับให้กับหนุ่มสาวยุคใหม่ จึงก่อให้เกิดการคัดสรรเทคโนโลยีและนวัตกรรมความงามจากทั่วโลกที่สามารถตอบโจทย์การดูแลสุขภาพและความงามได้อย่างตรงจุด พร้อมบริการด้วยทีมแพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ได้การรับรองคุณภาพตามมาตรฐานจากระดับสากล
สำหรับจุดแข็งของ “เดอะ ทัช กรุ๊ป” (The Touch Group) ในตลอด 10 ปีที่ผ่านมานั้น คือโปรแกรมความงามที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ประกอบไปด้วย นวัตกรรมยกกระชับปรับรูปหน้าเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและความชุ่มชื้นผิว (Soft Thermage), โปรแกรมเลเซอร์ดูแลฝ้า กระ จุดด่างดำ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน (Utimate Intensive Pulse Light), เทคโนโลยีรักษาถุงใต้ตาและริ้วรอยรอบดวงตาโดยไม่ต้องผ่าตัด (RF Eye Lifting), โปรแกรมดูแลรูปร่างและกระชับสัดส่วนเฉพาะจุด (Weight Solution), นวัตกรรมการผลัดเซลล์ผิวใหม่เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับผิวพร้อมลดปัญหาหลุมสิว (Baby New Face), โปรแกรมลดปัญหาสิวพร้อมกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว (Acne Clear Skin), นวัตกรรมผลัดเซลล์ผิวใหม่เพื่อผิวแข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน (Cell Booster), โปรแกรมปรับรูปหน้าโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (Filler), นวัตกรรมการป้อนอาหารผิวเข้าสู่เซลล์โดยตรงเพื่อดูแลสุขภาพพร้อมคืนความงดงามให้ผิวสวยจากภายในสู่ภายนอก (IV Drip Vitamin) และทรีตเมนต์ทองคําบริสุทธิ์เพื่อฟื้นฟูผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใส (Gold Therapy)
พิชชานันท์ ณวัฒน์นิธิชัย กล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 10 ปีของเดอะ ทัช กรุ๊ป เราตั้งใจจะรีแบรนด์ดิ้งขึ้นใหม่ เพื่อต้องการขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้นโดยการเจาะกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่และกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกคนให้ความสนใจในเรื่องของการดูแลบุคลิกภาพและความงาม เพราะเล็งเห็นความสำคัญว่าเป็นการสร้างโอกาสในการใช้ชีวิต และการทำงานให้กับตัวเอง โดยจากที่ผ่านมาพบว่าบริการที่ลูกค้ากลุ่ม Gen Z ให้ความนิยมเป็นอย่างมากคือโปรแกรมเลเซอร์หน้าใส ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน (Utimate Intensive Pulse Light) รวมถึงโปรแกรมดูแลปัญหารอบดวงตาจากการพักผ่อนน้อย (RF Eye Lifting) และโปรแกรมยกกระชับ (Soft Thermage) ซึ่งในขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ก็จะมีความต้องการในการดูแลที่หลากหลาย แต่มีความสนใจในศาสตร์ของการชะลอวัยและการดูแลสุขภาพภายในมากยิ่งขึ้น เราจึงเปิดตัวโปรแกรม The Touch Longevity ซึ่งเป็นบริการดูแลสุขภาพเพื่อความงามที่สมบูรณ์แบบให้ทุกคนสามารถดูดีจากภายในสู่ภายนอก”
สำหรับศูนย์สุขภาพและความงามครบวงจร “เดอะ ทัช” (The Touch) ที่จะเปิดตัวขึ้นใหม่นั้น นับเป็นสาขาแรกของ “เดอะ ทัช กรุ๊ป” (The Touch Group) ที่เป็นสแตนด์ อโลน (Stand Alone) บนพื้นที่ 1,300 ตารางเมตร โดยสามารถบริการลูกค้าได้มากถึง 1,500 คนต่อเดือน ที่มาพร้อมการออกแบบโปรแกรมการดูแลที่ให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพภายในและอายุผิวให้ยืนยาว (Longevity) รวมทั้งสุขภาพเพศ และฮอร์โมน โดยใช้หลักการแพทย์บูรณาการ (Integrative Medicine) ที่นำเอาวิชาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน แผนโบราณ แผนตะวันออกและตะวันตก รวมถึงวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่มาประยุกต์ใช้เข้าด้วยกัน โดยเริ่มขั้นตอนดูแลจากการสอบถามประวัติสุขภาพโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตรวจเลือด วัดระดับฮอร์โมน เพื่อนำมาวิเคราะห์รูปแบบการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Care) โดยการใช้วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพร สารน้ำ และแร่ธาตุ เพื่อช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนในร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และฟื้นฟูระบบการทำงานของเซลล์ในร่างกาย รวมถึงการดีไซน์โปรแกรมทรีตเมนต์หรือโปรแกรมการดูแลสุขภาพผิวภายนอกให้ตอบโจทย์ปัญหาของแต่ละบุคคล ผ่านกระบวนการและเครื่องมือที่มีความทันสมัยและรับรองความปลอดภัยจากระดับสากล
โดยกลยุทธ์การตลาดที่ทางแบรนด์เลือกใช้คือการทำโฆษณาผ่านทางโซเชียลมีเดียที่เน้นสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ผ่านการยิงโฆษณาบน Facebook และ Instagram ประกอบกับการใช้เคสรีวิวที่มีการทำคอนเทนต์เข้าใจง่าย เน้นการบอกต่อความรู้สึกที่ทำให้ใกล้ชิดกับผู้บริโภค รวมถึงการบอกต่อแบบ Word-of-mouth จากผู้ใช้จริง และการเป็นพาร์ทเนอร์กับโรงพยาบาล ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทุกคน
นอกจากนี้ในไตรมาส 4 “เดอะ ทัช กรุ๊ป” (The Touch Group) ยังวางแผนลุยเซ็กเมนต์สกินแคร์ เปิดตัวโปรดักซ์ความงามที่สามารถแก้ปัญหาสุขภาพผิวได้อย่างตรงจุด คาดการณ์ใช้ระบบตัวแทนจังหวัดละ 1 ทีม ในการขยายตลอด พร้อมวางแผนเปิดตัวโปรเจ็ค ‘The Touch Beauty Agent’ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับคนที่สนใจในธุรกิจความงามในการเป็นตัวแทนขายบริการและผลิตภัณฑ์ของ “เดอะ ทัช กรุ๊ป” (The Touch Group) จำนวน 1,000 คน
พบกับบริการของ “เดอะ ทัช กรุ๊ป” (The Touch Group) ได้แล้ววันนี้ที่ศูนย์สุขภาพและความงามครบวงจร “เดอะ ทัช” (The Touch) และ “เดอะ ทัช คลินิก” (The Touch Clinic) สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล บางนา, เดอะมอลล์ บางแค, เซ็นทรัล พระราม 2, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เดอะ พรอมานาด และเตรียมพบกับศูนย์สุขภาพและความงามครบวงจร “เดอะ ทัช” (The Touch) อีก 2 สาขาใหม่ในเดือนตุลาคมนี้ ได้แก่ สาขาเซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์-นาคนิวาส และสาขาสยามสแควร์ ซอย 2 หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://www.thetouchexclusive.com/